วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

…Unicorn…

…Unicorn…



           คำว่า unicorn นั้นมาจากภาษาละตินโดยดังนี้              unus = หนึ่ง และ cornu = เขา เมื่อรวมกันจึงมีความหมายว่า unicorn หรือ “สัตว์ที่มีเขาเดียว
        ลักษณะแรกเกิดขนของมันจะสีทอง เมื่อโตเต็มที่ขนของมันจะสีขาวบริสุทธิ์ สง่างาม และมีเขาที่แหลมอยู่ตรงกลางหน้าผาก เชื่อกันว่าสามารถพบมันได้ตามป่าทางตอนเหนือของยุโรป ยูนิคอร์นมักจะอาศัยอยู่ในที่ๆสงบห่างไกลจากมนุษย์เพราะเป็นสัตว์ที่รักความสันโดษ สุภาพ อ่อนโยน แต่แฝงด้วยความดุร้าย แถมยังวิ่งเร็วอีกด้วยเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครสามารถจับมันได้


เรื่องเล่าของยุโรประบุว่าการจับยูนิคอร์นนั้นต้องใช้สาวพรหมจรรย์เป็นผู้จับยูนิคอร์น ซึ่งยูนิคอร์นจะลืมสัญชาตญาณป่าเถื่อนและเชื่องราวกับเป็นม้าธรรมดา 


การกล่าวถึงยูนิคอร์นในโลกตะวันตก มีขึ้นครั้งแรกในหนังสือของอินเดีย ซึ่งเขียนโดยนักประวัติศาสตร์ชาวกรีก เมื่อพ.. 14 บรรยายไว้ตอนหนึ่งว่า "ในประเทศอินเดีย มีลาป่าชนิดหนึ่ง มีขนาดใหญ่เท่าๆกับม้า ลำตัวของพวกมันมีสีขาว ศีรษะมีสีแดงเข้มและมีดวงตาสีน้ำเงิน พวกมันมีเขาอยู่บนหน้าผากเขาหนึ่ง ซึ่งมีความยาวประมาณครึ่งเมตร" กล่าวกันว่า ยูนิคอร์นเป็นสัตว์ผสมระหว่างแรด ละมั่งหิมาลัย และลาป่า เขาของมันมีความแหลมคมมาก โดยมีพื้นสีขาวตรงกลางสีดำ และตรงยอดเป็นสีแดงเลือดหมู  


ลักษณะโดยทั่วไปของยูนิคอร์น มีเขาแหลมงอกอยู่บนหัวบริเวณหน้าผาก 1 อัน ไม่มีปีกเหมือนเพกาซัส ลำตัวสีขาวบริสุทธิ์ มีหางที่ยาวคล้ายกับสิงโต ดวงตามีมีฟ้าหรือสีม่วงเข้ม มีคนว่ากันว่า ไม่มีใครเคยเห็นรอยเท้าของมันเลย แม้แต่หนองน้ำที่มีโคลน เพราะตัวของมันเบามาก และอายุของมันยืนหลายร้อยปีเลยทีเดียว


ยูนิคอร์นเป็นสัตว์ที่ฉลาดซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสัตว์ของเทพเจ้ายูนิคอร์นที่มีอายุมากและฉลาดที่สุดมีความสามารถในการส่งคลื่นโทรจิตหรือที่เรียกกันว่าสื่อสารกันทางใจ และอีกทั้งยังสามารถอ่านความคิดในใจและความรู้สึกจากคนที่มันอยากจะรู้ ส่วนยูนิคอร์นเด็กจะทำได้แค่รับรู้ความรู้สึกหรืออารมณ์ของคนที่อยู่รอบตัวมัน และพลังวิเศษของยูนิคอร์นจะอยู่ที่เขาของมันยูนิคอร์นสามารถใช้เขาตัวเองรักษาคนเจ็บได้


     ในตำนานหลายเรื่องเล่ากันว่า เมื่อใดที่เลือดของยูนิคอร์น ต้องหลั่งริน จอมปีศาจร้ายจะเกิดขึ้นในโลกใบนี้ และถ้าเลือดแต่ละหยดของยูนิคอร์นสัมผัสผืนแผ่นดินจะนำความตายไปสู่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกเลือดของยูนิคอร์น ไม่ว่าจะเป็นมด ต้นหญ้า หรือแม้แต่คน


                                    กลุ่มดาวยูนิคอร์น
     กลุ่มดาวยูนิคอร์น เป็นกลุ่มดาวจางๆ จะเห็นเด่นชัดในคืนฤดูหนาว ล้อมรอบด้วยกลุ่มดาวนายพรานทางทิศตะวันตก, กลุ่มดาวคนคู่ทางทิศเหนือ, กลุ่มดาวหมาใหญ่ทางทิศใต้ และกลุ่มดาวงูไฮดราทางทิศตะวันออก นอกเหนือจากนี้ กลุ่มดาวอื่นที่อยู่ติดกัน คือ กลุ่มดาวหมาเล็ก, กลุ่มดาวกระต่ายป่า และกลุ่มดาวท้ายเรือ







อ้างอิง


http://writer.dekd.com/0012/story/viewlongc.php?id





…Phoenix…

…Phoenix…


ฟีนิกส์ (Pheonix) หรือวิหคแห่งไฟ เป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายนกปรากฏในตำนานของหลายๆชาติในลักษณะที่คล้ายกันแต่แตกต่างกันในบางรายละเอียด จะปรากฏในตำนานของพวกอียิปต์โบราณในฐานะของสัตว์เทพในตำนานซึ่งคู่ควรแก่การบูชา ยกย่อง เคารพ เกี่ยวข้องกับเทพแห่งไฟ ดังนั้นจะสังเกตได้ว่าขนของฟีนิกส์นั้นจะออกเป็นประกายเหลืองทองคล้ายเปลวไฟ บ้างก็ว่าปกคลุมด้วยเปลวไฟทั้งตัว 


      นกฟีนิกส์นี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นอมตะ มีชีวิตยั่งยืนนิรันดร์ เพราะมันสามารถฟื้นคืนชีพได้ เมื่อร่างกายสิ้นอายุขัย (500 ปีหรือ 1461 ปี) ตัวจะลุกเป็นไฟ จากนั้นนกฟีนิกส์ก็จะฟื้นจากกองขี้เถ้ามาเป็นลูกนกตัวใหม่ การที่นกฟีนิกส์สามารถเกิดใหม่ได้จากเถ้าถ่านของตัวเอง จึงกลายเป็นตัวแทนของการฟื้นคืนจากความตาย ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้แก่กวีและนักเขียนหลายท่าน จนเรื่องราวแห่งนกฟีนิกส์แทรกซึมเข้าไปอยู่ในวรรณกรรมยุโรปหลายต่อหลายเรื่อง


นกฟีนิกส์มีเสียงร้องที่ไพเราะมากดั่งกับเสียงดนตรี รูปร่างสง่างาม บางครั้งจะหยิ่งผยอง บางครั้งเปี่ยมด้วยความเป็นมิตร บางตำนานเล่าว่านกนี้สามารถฟื้นชีวิตให้กับผู้ตายได้ และสามารถฟื้นพลังทั้งหมดให้กลับสู่ปกติได้ เพราะว่านกฟินิกส์เป็นสัตว์เวทตัวหนึ่งภายใต้เทพแห่งไฟ บางครั้งจะพบว่าสามารถใช้มนต์ไฟได้  ฟีนิกส์เป็นสัตว์ที่นิสัยอ่อนโยน เพลงของฟีนิกส์มีเวทมนตร์สามารถกระตุ้นความกล้าหาญ แห่งจิตใจบริสุทธิ์ และทำให้เกิดความกลัวในจิตใจที่คิดร้าย น้ำตาของนกฟีนิกส์มีพลังในการรักษาบาดแผลได้



จุดกำเนิดตำนานของนกฟีนิกส์นี้ อาจมาจากหนังสือแห่งเวทมนตร์เล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า “Book of Dead” ซึ่งกล่าวถึงนกยักษ์ลักษณะคล้ายนกฟีนิกส์ นกยักษ์ตัวนี้เป็นต้นแบบของวิญญาณอิสระที่ลุกขึ้นมาจากกองเพลิง และบินไปยังเฮลิโอโปลิสเพื่อประกาศยุคใหม่ เพราะว่าดวงอาทิตย์ได้สาดแสงไล่หลังนกที่บินจากตะวันออกไปยังตะวันตก นกจึงปรากฏตัวพร้อมกับเช้าวันใหม่จนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งไฟและดวงอาทิตย์ไปในที่สุด


เรื่องราวความเป็นอมตะของเจ้านกฟีนิกส์ ยังปรากฏอยู่ในการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องดัง ฮิโนโทริ วิหคเพลิงผลงานของ เท็ตซึกะ โอซามุ การ์ตูนที่แฝงไว้ด้วยปรัชญาแห่งชีวิตที่ได้รับคำชื่นชมมากที่สุด เรียกว่าเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่เล่มหนึ่งที่นักอ่านไม่ว่ารุ่นใหม่หรือรุ่นเก่าไม่ควรพลาด เนื้อหาเป็นเรื่องเกี่ยวกับคำร่ำลือที่ว่าผู้ใดที่ได้ดื่มเลือดของฮิโนโทริ หรือวิหคเพลิงจะมีชีวิตที่เป็นอมตะ และด้วยความกระหายของมนุษย์นี่เอง นำมาซึ่งสงครามล้างแผ่นดิน และอีกผลงานหนึ่งก็คือ เรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ ในภาคที่ 2 (ห้องแห่งความลับ) และภาคที่ 5 (ภาคีนกฟีนิกส์)



แม้ ฟีนิกส์จะเป็นเพียงนกในตำนาน แต่ก็คงเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่ที่ให้เล่าขานกันไปอีกนาน โดยเฉพาะการเสียสละได้แม้กระทั่งชีวิตของตนเองเพื่อให้ชีวิตใหม่ได้ดำเนินต่อไป









อ้างอิง


http://www.dreampoem.com/forum/index.php